- วันนี้ผมจะมาพูดถึง เรื่องสารเคมีครับ สมัยก่อนผมเป็นเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง ที่เคยใช้ชีวิตอยู่กับท้องไร่ท้องนา อยู่แบบสบายกายสบายใจ โดยการใช้ชีวิตในส่วนตัวแล้วนั้นเป็นไปอย่างง่ายดายและราบรื่น ไม่ฟู่ฟ่าหรูหราแต่ก็สบายใจดี ตื่นตอนเช้ามาอยู่กับครอบครัวอยู่กับฝูงวัวฝูงควายอยู่กับท้องไร่ท้องนา อาหารการกินแต่ก่อนนี้เชื่อได้ว่าอุดมสมบูรณ์มากๆ ยกตัวอย่างเช่นตอนที่กำลังปลูกข้าวจะมีปลาที่มากับน้ำป่าไหลหลากและก็จะมีกบเขียดเยอะแยะเต็มไปหมดและก็จะมีเห็ดที่เกิดขึ้นมาตามธรรมชาติ ส่วนช่วงระยะที่ 2 ของการปลูกข้าวนั้นจะมีปลาซึ่งน้ำได้แห้งขอดลงไปที่ชาวบ้านเรียกว่าปลาข่อน ปลาข่อนมีตัวใหญ่มากๆมีปลาช่อน ปลาหมอ ปลาดุก ปลาชิว และก็เยอะมากๆครับไม่ได้พูดเล่นนะ ยกตัวอย่างเช่นก่อนที่จะถึงเวลาอาหารเที่ยงแม่ได้บอกให้ผมเองไปนำกะละมังกับสวิงมาเพื่อมาเอาปลาข่อนที่มุมท้องนาแค่มุมเดียวได้เกือบ 10 กิโลเลยครับ พร้อมกับเก็บผัก ที่เกิดขึ้นในน้ำชึ่งเยอะมากเเละทานได้มาด้วย และก็น้ำตามทุ่งนาเวลาผมไปเลี้ยงวัวเลี้ยงควายก็สามารถที่จะดื่มกินได้โดยไม่มีสารอันตรายอันใดปะปนหรือถ้ามีปะปนก็เป็นส่วนน้อยซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ตามขี้วัวขี้ควายที่อยู่ตามท้องไร่ท้องนาก็จะมีสัตว์ปีกซึ่งชาวบ้านเรียกกันว่าแมงกุดจี่ให้ขุดเพื่อนำมาเป็นอาหารเยอะแยะและก็ตามคูคันแทนาจะมีปูนาและต้นหญ้าซึ่งจะมีตัวตั๊กแตนเต็มไปหมด เรียกได้ว่าอาหารการกินแต่ก่อนสมบูรณ์มากเลยทีเดียวถ้ามาเทียบกับสมัยในตอนนี้ต่างกันลิบลิ่วเลยครับ แต่ต้องนับย้อนกลับไปเมื่อ 25 ปีก่อน ผมเป็นชาวภาคอีสานของประเทศไทย พื้นที่ที่ผมดำรงชีวิตอยู่นั้นส่วนมากจะปลูกข้าว สมัยแต่ก่อนการปลูกข้าวกับปัจจุบันนี้แตกต่างกันไปอย่างมาก แทบจะเทียบกันไม่ติดเลยก็ว่าได้ จะมาพูดถึงการปลูกข้าวในสมัยแต่ก่อนให้ฟังก่อนนะครับ การปลูกข้าวในสมัยเมื่อก่อนนั้น เมื่อถึงช่วงฤดูฝนฝนก็จะตกตามฤดูกาล อยากจะบอกว่าช่วงนี้ฝนไม่ตกตามฤดูกาลเลย จากความรู้ที่ผมซึมซับมานั้นสิ่งที่มันเกิดขึ้นก็มาจากน้ำมือของมนุษย์เอง ซึ่งผมจะยังไม่พูดถึงในตอนนี้ ฤดูฝนตกชาวนาจะทำการพรวนดินเพื่อปลูกข้าว พอพวนดินแล้วต้นหญ้าก็จะอยู่ใต้ดินและฝนก็จะทำหน้าที่ตกลงมาใส่ท้องนาเพื่อขังน้ำไว้บนหญ้า หญัาที่โดนกลบด้วยดินแล้วโดนน้ำปกปิดไว้ข้างบนแล้วนั้นก็จะเน่ากลายเป็นปุ๋ยไปโดยปริยาย หลังจากเน่าแล้วหญ้าก็จะไม่เกิดขึ้นมาอีกเเต่ก็จะเกิดขึ้นมาบ้างในปริมาณที่น้อยมาก ปัจจุบันหญัามีความร้ายกาจมากซึ่งเทียบเหมือนแต่ก่อนแล้วหญ้าจะคงทนต่อยากำจัดพืชและก็ทนทานและก็เกิดขึ้นมามากไปจนผิดสังเกต ที่มันเป็นแบบนั้นมันก็มีเหตุผลของมันนะครับก็คือว่าปัจจุบันนี้คนเราทำนาไม่ใช้น้ำเพื่อขังวัชพืชไว้ใต้น้ำเหมือนแต่ก่อนแล้วหญ้าจึงมีมากจนผิดสังเกตพอหญ้ามีมากก็ต้องใช้ยาฆ่าหญ้าและก็การใช้ยาฆ่าวัชพืชก็จะเป็นตัวหนึ่งที่ทำให้หญ้าที่เกิดขึ้นมามีความดื้อยาและยังไม่พอการใช้ยาฆ่าวัชพืชนั้นมีผลกระทบกับระบบนิเวศ ถ้าถามว่ายังไงก็คือความอุดมสมบูรณ์ที่ผมได้พูดมาข้างต้นนั้นตอนนี้ไม่มีเเล้วนะครับ พูดแล้วจะหาว่าพูดเกินจริง ไม่เกินจริงเลยนะครับ ที่ผมบอกว่า ที่นาที่ผมเปลื่อนไปภายใน 25 ปีนั้นยังน้อยไปนะครับถ้าจริงๆแล้วมันเปลื่อนไปก่อนหน้านี้อีกแต่มันจะค่อยๆเปลื่อนไปในแต่ละปีสมัยก่อนนั้นหลังจากที่เราหมักหญ้าให้เป็นปุ๋ยแล้วนั้นหญ้าในทุ่งนาก็จะไม่ค่อยมีทีนี้ก็ทำการหว่านเมล็ดต้นกล้าเพื่อเอาไปปักดำ พ่อต้นกล้าโตได้ที่ก็ถอนต้นกล้าขึ้นมาแล้วก็ไปพวนดินในท้องทุ่งนาที่เราเตรียมไว้ หลังจากพรวนดินเสร็จก็เอาต้นกล้าที่เราถอนขึ้นมาไปปากดำแค่นี้ก็เป็นอันเรียบร้อยในการทำนาในขั้นแรกแล้วครับ พยายามรักษาระดับน้ำไว้ให้ท่วมพื้นดินที่ต้นกล้าที่เราปักดำอยู่ไม่ให้ขาดน้ำ เนื่องจากถ้าขาดน้ำหญ้าก็จะสามารถที่จะงอกเงยขึ้นมาได้ หญ้าที่งอกเงยขึ้นมาได้ในส่วนมากแล้วจะเป็นเมล็ดหญ้าที่โดนลมพัดมาจากคันแทนา หรือที่อื่นๆ เป็นต้น พอผ่านช่วงแรกไปแล้วก็ดูแลรักษาบำรุงต้นข้าวใส่ปุ๋ยดูแลเก็บกักน้ำไว้ให้ดี ระยะที่ 2 ระยะที่ 2 ของการทำนาก็คือช่วงเก็บเกี่ยวนั่นเองช่วงเก็บเกี่ยวนี่แหละที่คนทำนาจะมีความสุขมากกว่าช่วงแรกก็คือจะได้เก็บเกี่ยวผลผลิตเสียที แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนี้ครับมันอยู่ตรงสารพิษ นี่แหละครับ นอกจากที่สารพิษมันจะทำลายสิ่งแวดล้อมแล้ว มันยังสะสมในเมล็ดข้าวที่เรากินด้วยครับ มาสะสมในร่างกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และก็ไม่เฉพาะข้าวนะครับพืชผักที่เรากินก็มีมากที่ใช้สารพิษ ท่านอ่านมาถึงตอนนี้คงนึกภาพออกนะครับว่า แค่สารพิษอย่างเดียวทำลายทุกอย่างได้มากมายแค่ใหน แลกกับสิ่งที่เราทุกคนชาวนาน่าจะได้คิดว่าใช้คำว่าน่าจะได้ก็คงไม่ผิดนะครับ สิ่งที่เราคิดว่าจะได้นะครับคือ การทำนาแบบใช้สารพิษนั้นจะได้ผลเร็วคือหญ้าตายเร็ว หอยเชอรี่ตายเร็ว ทำนาเสร็จเร็วเพราะใช้วิธีหว่านเมล็ดข้าวแทนการปักดำแต่ต้องใช้ยากำจัดวัชพืชแทนการขังน้ำไห้หญ้าตาย แต่สิ่งที่คุณสูญเสียละ 1.อาหารหายไปจากระบบนิเวศน์อาหารที่อุดมสมบูรณ์ได้หายไปจนแทบจะไม่มีเหลือ (หาอาหารไม่ได้เราต้องซื้อแทนการหา) อาหารมีราคาแพงขึ้นเพราะ แหล่งอาหารถูกทำลาย 2.แต่ละปีปุ๋ยมีราคาแพงขึ้นเพราะต้องใช้ปุ๋ยในปริมาณที่มากเพิ่มขึ้นทุกๆปีเนื่องจากการเสื่อมสภาพของดินที่เราใช้สารเคมี 3. ดินมีคุณภาพเสื่อมลง เราต้องใช้ปุ๋ยมากขึ้นทุกปีเพราะดินเสื่อสภาพทุกปี (ดินเสื่อมสภาพเนื่องด้วยสารเคมีทำไห้ดินเป็นกรด และ สารเคมีทำไห้ไส้เดือนดินตาย ซึ่งใส้เดือนดินมีส่วนอย่างมากที่ทำไห้เกิดปุ๋ยในดินและพรวนดินไห้เรา) 4. หญ้ามีปริมาณมากขึ้นเพราะหญ้าบางชนิดจะสามารถดื้อยาและแพร่กระจายเร็วกว่าข้าวในตอนที่เราทำนาโดยการหว่านเมล็ดข้าว หญ้าพวกนี้จะปกคลุมต้นข้าวและข้าวก็จะไม่โต ทางแก้ของชาวนาก็คือฉีดยาฆ่าหญ้า ซึ่งก็มีผลเสียตามมาอย่างที่เห็น 4. ข้าวไม่ค่อยได้ผลผลิตเพราะดินเสื่อมสภาพ และสิ่งอื่นๆอีกมากมายที่ผมยังไม่ได้กล่าวมา ที่เขียนบทความนี้ขึ้นมาก็อยากไห้คนที่ได้อ่านได้ตระหนักว่า การใช้สารเคมี ไม่ว่าจะเป็นยาฆ่าหญ้า แบบฉีดหรือแบบหว่าน ยาฆ่าแมลง ยาฆ่า หอยเชอรี่ และสัตรูพืชอื่นๆนั้นล้วนเป็นดาบสองคม ที่รุนแรงและร้ายกาจมาก นั้นเป็นอย่างไรและก็หวังว่าคนเราทุกคนจะช่วยกันปรับเปลี่ยนวิธีทำนาไห้เป็นแบบเดิมๆโดยไม่ต้องใช้สารเคมี ซึ่งทุกคนต้องร่วมมือกันอย่ารอวันพรุ่งนี้เพราะวันพรุ่งนี้อาจไม่มีแล้วก็ได้จงเริ่มต้นทำเลยครับ สุดท้ายนี้ก็อยากจะได้หน่วยงานที่รับผิดชอบหรือชาวบ้านร่วมด้วยช่วยกันครับคนละนิดคนละหน่อยช่วยไห้โลกเราปลอดภัยจากสารพิษ ก่อนที่มันจะตกทอดมาถึงลูกหลานเราครับ หมายเหตุ ผมคือลูกหลานคนนั้นคนที่ สิบกว่า ปีที่แล้วเคยบอก ผู้ใหญ่ที่เขาทำนาโดยการใช้สารพิษ แต่กลับถูกปฎิเสธ มาถึงตอนนี้สิ่งที่ผมเคยบอกผู้ใหญ่ไปมันได้เกิดขึ้นแล้ว ผมไม่อยากไห้ประวัติศาสตร์ ซ้ำรอย ทิ้งทาย ทุกวันนี้เดินไม่ใส่รองเท้าในฤดูทำนาขาเปื่อยได้เลยนะครับบทความนี้ ยินดีไห้นำไปเผยแผ่ต่อได้เลยครับ ถ้ามันจะทำไห้การใช้สารพิษลดลงได้ข้อความข้างบนนี้ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีต่อใครหรือสิ่งใด แต่ได้เขียนขึ้นมาจากฐานความเป็นจริงและชีวิตจริงที่เคยทำนามาครับ ขอบคุณครับ
การใช้ชีวิต ต้นไม้อะไรใครรู้บ้าง ต้นไม้เรียกแตกต่างกันไปแล้วแต่พื้นที่ มาแชร์ความรู้กันครับ เก็บรูปต้นไม้ต่างๆ นี้ไว้ไห้ลูกหลานได้ดูก่อนมันจะสูญพันธุ์
วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2559
เรื่องสารเคมี ในข้าว
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น